38.4 C
Chiang Mai
วันอาทิตย์, สิงหาคม 3, 2025
หน้าแรก Uncategorized ดอกบุนนาค เมื่อขาว เหลือง เขียว รวมกันเป็นช่อ

ดอกบุนนาค เมื่อขาว เหลือง เขียว รวมกันเป็นช่อ

มีดอกบุนนาคที่สวนต้นหนึ่ง สวยใส หอมชื่นใจ

วันก่อนได้เจอเภสัชกรที่ อ.เวียงแหง เล่าว่า ที่เวียงแหงชาวบ้านนิยมปลูกดอกบุนนาค  แถวโรงพยาบาลเวียงแหง มีต้นบุนนาคอยู่รอบโรงพยาบาลเลยทีเดียว

ลองจิตนาการดูว่า ถ้าดอกสวยงามอย่างนี้ ชูช่อเต็มต้นจะประมาณไหน

พอมีที่ไว้ให้ดอกบุนนาคสักต้น คงดีไม่น้อย

∞สุภฎารัตน์

[email protected]

 

 

ข้อมูลเพิ่มเติม

ดอกบุนนาค เป็นดอกไม้บูชา มาตั้งครั้งพุทธกาล จาก http://www.dhammajak.net ได้เล่าถึงดอกบุนนาคว่า

ดอกบุนนาค ปรากฎในพระไตรปิฎก ฉบับธรรมทาน หัวข้อ ‘ปุนนาคปุปผิยเถราปทาน’ ได้กล่าวถึง ผลแห่งการถวาย ‘ดอกบุนนาค’ บูชาของพระปุนนาคปุปผิยเถระ ไว้ว่า

“เราเป็นพรานเข้าไป (หยั่งลง) ยังป่าใหญ่ เราได้พบต้นบุนนาคมีดอกบาน จึงระลึกถึงพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด ได้เลือกเก็บดอกบุนนาคนั้น เอาแต่ที่มีกลิ่นหอมสวยงาม แล้วก่อสถูปบนเนินทรายบูชาแด่พระพุทธเจ้าในกัลปที่ 92 แต่กัลปนี้ เราได้บูชาพระพุทธเจ้าด้วยดอกไม้ใด ด้วยการบูชานั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา ในกัลปที่ 91 แต่กัลปนี้ ได้มีพระเจ้าจักรพรรดิพระองค์หนึ่งทรงพระนามว่า ตโมนุทะ ทรงสมบูรณ์ด้วยแก้ว 7 ประการ มีพลมาก คุณวิเศษเหล่านี้ คือปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8 และอภิญญา 6 เราทำให้แจ้งชัดแล้ว พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้”

และในหัวข้อ ‘คิริปุนนาคิยเถราปทาน’ ได้กล่าวถึง ผลแห่งการถวาย ‘ดอกบุนนาค’ บูชาของพระคิริปุนนาคิยเถระ ไว้ว่า

“ครั้งนั้น พระสัมพุทธเจ้าพระนามว่าโสภิตะ ประทับอยู่ที่ภูเขาจิตตกูฏ เราได้ถือเอาดอกบุนนาคเข้ามาบูชาพระสยัมภูในกัลปที่ 94 แต่กัลปนี้เราได้บูชาพระสัมพุทธเจ้า ด้วยการบูชานั้นเราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้”

ดอกบุนนาคกับความเชื่อของคนไทย

คนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดปลูกต้นบุนนาคไว้ประจำบ้านจะทำให้เป็นผู้มีความประเสริฐและมีบุญ เพราะบุนนาคคือผู้มีบุญผู้ประเสริฐ และยังเชื่ออีกว่ายังสามารถป้องกันภัยอันตรายจากภายนอกได้อีกด้วย เพราะใบของบุนนาคสามารถรักษาพิษสัตว์ต่างๆ ได้ เช่น พิษงู นอกจากนี้แล้ว นาคยังหมายถึงพญานาค ซึ่งเป็นพญาสัตว์ชนิดหนึ่งในสมัยพุทธกาล ที่มีแสนยานุภาพในอันที่จะปกป้องและคุ้มครองพิษภัยได้

สำหรับการศึกษา ในด้านพฤษศาสตร์และสมุนไพร มีข้อมูลดังนี้

ดอกบุนนาคมีชื่อวิทยาศาสตร์ : Mesua ferrea L. ชื่อสามัญ : Iron wood, Indian rose chestnut  อยู่ในวงศ์ : GUTTIFERAE มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ คือ ก๊าก่อ ก้ำก่อ นาคบุตร ปะนาคอ สารภีดอย

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :

ประเภทไม้ เป็นไม้ต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูงประมาณ 15-25 เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มทึบ ไม่ผลัดใบ

ลักษณะใบ เป็นใบเดี่ยว แผ่นใบหนา รูปหอกหรือรูปขอบขนานแกมรูปหอก ขนาดกว้าง 2-3 ซม. ยาว 8-12 ซม. ปลายใบเรียวแหลม โคนใบสอบ ผิวใบเรียบเกลี้ยง ท้องใบมีคราบขาวปกคลุม

ลักษณะดอก เป็นดอกเดี่ยว หรือเกิดเป็นกระจุกตามง่ามใบ กลีบดอกสีขาวจนถึงสีเหลืองอ่อน ระยะออกดอก ระหว่างช่วงฤดูร้อนถึงฤดูฝน

ลักษณะผล รูปไข่ ส่วนปลายโค้งแหลม โดยยังมีส่วนกลีบรองดอกขยายใหญ่ขึ้นติดอยู่ ภายในมีเมล็ด 1-2 เมล็ด

บุนนาคเป็นพืชที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ทั้งต้น คือใช้ในด้านสมุนไพร และใช้ประโยชน์จากไม้

สำหรับประโยชน์ด้านสมุนไพรที่นิยมกันมาก คือส่วนของดอก ซึ่ง

ดอกบุนนาคเป็นหนึ่งใน พิกัดเกสรทั้ง 5 ประกอบด้วยดอก 5 อย่างแต่ละอย่างมีสรรพคุณ คือ

เกสรบัวหลวง จัดเป็นตัวยารสฝาดหอม แก้ไข้เพื่อลมและโลหิต บำรุงหัวใจ บำรุงครรภรักษา แก้ไข้รากสาด

ดอกมะลิ  จัดเป็นตัวยารสหอมเย็น แก้ไข้ ร้อนในกระหายน้ำ ดับพิษร้อน บำรุงหัวใจ บำรุงครรภ์ แก้เจ็บตา

ดอกพิกุล จัดเป็นตัวยารสหอมสุขุม แก้ลม บำรุงโลหิต แก้ไข้จับหมดสติ

ดอกบุนนาค จัดเป็นตัวยารสหอมเย็นขม บำรุงดวงจิตให้แช่มชื่น บำรุงโลหิต แก้ร้อนใน กระสับกระส่าย ชูกำลัง

ดอกสารภี จัดเป็นตัวยารสหอมเย็นขม แก้โลหิตพิการ แก้ไข้ที่มีพิษร้อน บำรุงหัวใจ ชูกำลัง เจริญอาหาร

นอกจากนี้ ยังมีสรรพคุณของส่วนดอกส่วนอื่นๆ คือ

ดอก – กลั่นให้น้ำมันหอมระเหย ใช้ในการอบเครื่องหอมได้ดี ใช้แต่งกลิ่นสบู่  ส่วนดอกแห้ง ใช้เข้ายาหอม แต่งกลิ่นแต่งรสทำให้รับประทานง่าย เป็นยาหอมบำรุงดวงจิตให้ชุ่มชื่น บำรุงหัวใจ เป็นยาขับเสมหะบำรุงโลหิต แก้ร้อนกระสับกระส่าย แก้ลมกองละเอียด ซึ่งทำให้หน้ามืดวิงเวียนใจสั่น อ่อนเพลีย หัวใจหวิว ทำให้ชูกำลัง

ผล – ขับเหงื่อ ฝาดสมาน

ใบ – รักษาบาดแผลสด พอกบาดแผลสด แก้พิษงู

แก่น – แก้เลือดออกตามไรฟัน

ราก – ขับลมในลำไส้

เปลือก – ฟอกน้ำเหลือง กระจายหนอง

กระพี้ – แก้เสมหะในคอ

แหล่งข้อมูล

http://www.samunpri.com/modules.php?name=Kana2&file=5

http://www.rspg.or.th/plants_data/herbs/herbs_03.htm

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=12429

 

 

 

 

 

 

 


- Advertisment -

Most Popular

อาหารทำเอง : ต้มจืดจิงจูฉ่ายลูกชิ้นหมูบด

เป็นช่วงที่หลายคนทำอาหารด้วยตัวเองอยู่ที่บ้านโดยใช้วัตถุดิบรอบบ้าน สำหรับสายคนที่รักจะกินอาหารที่ปรุงได้สะดวกวันนี้เสนออาหารที่ใช้พลังงานในการทำมากกว่าใส่ทุกอย่างลงหม้ออีกสักนิด จนทำให้รู้สึกว่าทำอย่างนี้ได้ด้วยเหรอ ต้มจืดจิงจูฉ่ายลูกชิ้นหมูบด เมนูคิดค้นด้วยการที่จู่ๆ ก็มีเครื่องบดหมูอยู่ในบ้าน ทำให้รู้ว่าเครื่องบดหมูในตลาดที่เคยเห็นตอนเด็กมีขนาดแบบเล็กด้วย พื้นฐานคือเครื่องปั่นนี่แหละ แต่ใบมีดออกแบบมาทำหมูบด แบบบดค่อนข้างละเอียดเหมือนกับหมูเด้ง เพียงแต่เราทำเป็นทำนองลูกชิ้นหมูบด วัตถุดิบ

รสสมุนไพร

การเรียนรู้เรื่องรสอาหาร ทำให้เราเข้าใจเรื่องอาหาร ได้อรรถรสของอาหาร ได้คุณค่าและประโยชน์ การเรียนรู้เรื่องรสสมุนไพร ทำให้เราเรียนรู้สรรพคุณ ความสมดุล ตัวอย่างสมุนไพร รสเผ็ดร้อน ตัวอย่างสมุนไพรรสฝาด ตัวอย่างสมุนไพรรสหอมเย็น เราอาจพบสมุนไพรเหล่านี้ ในตำรับยาหรือบางชนิดก็เป็นสมุนไพรใกล้ตัว เป็นอาหารในชีวิตประจำวัน ©สุภฎารัตน์        

สายบัว

ความงามกับอาหาร มักเป็นของคู่กันเสมอ เช่นเดียวกับบัวสาย ที่เราเอาส่วนต้น หรือที่เรียกสายบัว มาเป็นอาหาร     ฤดูฝนนี้แหละ ที่บัวได้ชูช่อดอกสวย มีก้านอ่อน ยาวๆ ให้เราได้นำมารับประทาน   อันที่จริง ก็เสียดายดอกมาก งดงามเสียเหลือเกิน แต่ก็นะ วิถีชาวบ้าน อาหารรอบรั้ว รอบหนองบึง ©สุภฎารัตน์      

มะอึกไร้หนาม

มะอึก หรือคำเมืองเรียกว่า มะเขื่อบู่ เป็นกลุ่มผักที่อยู่ในเมนูน้ำพริกมะอึก หรือใส่ลงไปในน้ำพริกกะปิ ได้รสออกเปรี้ยวแกมขื่นเล็กน้อย และมีเนื้อสัมผัสในการรับประทาน ชวนให้อร่อย ปกติต้นมะอึกจะมีหนาม แต่ว่าปัจจุบันพบว่า นิยมปลูกแบบมะอึกไร้หนาม ลำต้นจะไม่มีหนาม ต้นค่อนข้างใหญ่  ใบกว้างใหญ่มาก มีผลใหญ่ มีขนนุ่มคลุมทั้งผล  เมื่อยังไม่สุกจะมีสีเขียวจัด พอเริ่มสุกจะมีสีเหลือง สุกเหลืองคาต้นได้นาน เก็บมาแล้วก็อยู่ได้นานเป็นสัปดาห์โดยไม่ต้องใส่ตู้เย็น การปลูกใช้เมล็ด เพาะเป็นต้นกล้าก่อนก็ได้ แต่ที่บ้าน เมล็ดหว่านๆไว้  ไม่เห็นงอก แต่พอตัดต้นไม้ใหญ่ กลับงอกขึ้นมามากมาย ปลูกง่าย...

Recent Comments